การลงทุนต่างประเทศนอกจากจะต้องคำนึกถึงผลตอบแทนและศักยภาพการเติบโตของประเทศนั้นๆ แล้ว จะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย ซึ่งแต่ละประเทศจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน นโยบายการลงทุนของ Jitta Wealth มีการลงทุนในหลายประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา
การลงทุนในประเทศพัฒนาแล้วเช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง มีข้อได้เปรียบในเรื่องของกฎระเบียบและกฎหมายที่เป็นมาตรฐานสากล การควบคุมและกำกับดูแลมีการพัฒนามาอย่างยาวนาน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมั่นคง แต่จะต่ำกว่าอัตราการขยายตัวของประเทศกำลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้วมีระบบการเงินที่มั่นคง ค่าเงินมีเสถียรภาพ รวมไปถึงระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพค่อนข้างสูง บริษัทในประเทศพัฒนาแล้วมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและความสามารถทางการแข่งขัน ทำให้หุ้นดีและราคาถูกมีมากกว่าตลาดอื่น ๆ (ดูอันดับหุ้นดีราคาถูกของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีนและฮ่องกง จาก Jitta.com)
ขณะที่การลงทุนในประเทศกำลังพัฒนาเช่น เวียดนาม มีข้อได้เปรียบในด้านอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง มีประชากรในวัยแรงงานเป็นจำนวนมาก ศักยภาพในการเติบโตสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ประเทศกำลังพัฒนาขาดเสถียรภาพทางด้านตลาดเงินและตลาดทุน กฎระเบียบและการกำกับดูแลยังไม่เพรียบพร้อม มีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเมืองและการกำกับดูแล
ส่วนการลงทุนในประเทศไทย มีข้อได้เปรียบในด้านอัตราแลกเปลี่ยน ไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และมีข้อได้เปรียบด้านกระบวนการลงทุนที่เร็วกว่าต่างประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยยังจัดอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นเสถียรภาพด้านตลาดเงินและตลาดทุนยังไม่เทียบเท่าประเทศพัฒนาแล้ว และเสถียรภาพทางด้านการเมืองยังมีความอ่อนไหว
การลงทุนแต่ละประเทศมีข้อดีและข้อพิจารณาแตกต่างกันไป การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในหลายประเทศจะช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
หากคุณไม่ได้มีประเทศใดประเทศหนึ่งที่ต้องการลงทุน และไม่สามารถกระจายการลงทุนได้พร้อมกันในหลายประเทศ สามารถเลือกลงทุนในนโยบาย Jitta Ranking Alpha เพื่อให้ระบบคัดเลือกประเทศลงทุนให้และปรับเปลี่ยนประเทศอัตโนมัติให้ทุกปี ดูรายละเอียดที่นี่